เปิด 3 มุมคิดจุดตั้งต้นของการสร้างนวัตกรรมสู่ Crime Tech ในเวที True CyberSafe x TrueMoney Hackathon Thailand 2025

04 กรกฎาคม 2568

Chernporn Kongma

Chernporn Kongma


เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว ความซับซ้อนของอาชญากรรมไซเบอร์ก็ยิ่งล้ำหน้า ตลาด Crime Tech หรือเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกัน ตรวจจับ หรือรับมือกับอาชญากรรมจึงขยายตัวทั่วโลก ขณะที่ในประเทศไทย แม้จะมีความต้องการสูงมาก แต่กลับมีสตาร์ทอัพในสายนี้ไม่ถึง 10 ราย

อย่างไรก็ดี จากการคาดการณ์ของ Gartner บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลกด้านไอที ระบุว่าในปี 2568 นี้ มูลค่าการลงทุนของบริษัทไทยด้านความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปจะสูงถึง 18,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 12.3% จากปีก่อน

นี่คือ โอกาสของนักพัฒนาและสตาร์ทอัพไทยที่จะเปลี่ยนโจทย์ใหญ่นี้ให้กลายเป็นนวัตกรรม โดยเวที True CyberSafe x TrueMoney Hackathon Thailand 2025 เปิดพื้นที่ให้ทุกความคิดได้เติบโต ไม่ว่าจะเป็นนิสิต นักศึกษา สตาร์ทอัพ หรือประชาชนทั่วไป ให้มาร่วมกันแฮ็คเพื่ออนาคตที่ปลอดภัยกว่า และต่อยอดสู่นวัตกรรม Crime Tech ที่ใช้ได้จริง

ต่อไปนี้คือ ข้อมูลเชิงลึกและข้อแนะนำจาก 3 วิทยากรในงานเปิดตัวโครงการที่อาจเป็นจุดตั้งต้นของการสร้างนวัตกรรมได้

 

Cybersecurity ที่แข็งแกร่ง ต้องมีทั้งนโยบาย เทคโนโลยี และคน

“Cybersecurity ไม่ใช่เรื่องของรัฐหรือองค์กรเท่านั้น แต่คือระบบนิเวศที่ทุกคนเกี่ยวข้อง” พ.ต.ปวิช บูรพาชลทิศน์ จากสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กล่าวถึงภาพใหญ่ของการดูแลด้าน Cybersecurity ด้วยกฎหมาย พ.ร.บ.ไซเบอร์ปี 2562 สกมช. กลายเป็นฟันเฟืองหลักในการกำกับดูแลและยกระดับความพร้อมของประเทศ

จากการดำเนินงานของ สกมช. อย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 7 ของโลกด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ตามดัชนี Global Cybersecurity Index (GCI) ของ ITU แต่ในขณะเดียวกัน ภัยไซเบอร์ก็พัฒนาเร็วไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ Deepfake AI ที่สามารถสร้างภาพ เสียง และวิดีโอปลอมได้แนบเนียน สร้างความเสียหายระดับบุคคลจนถึงความมั่นคงของประเทศได้

พ.ต.ปวิชเสนอว่า ทิศทางการสร้างนวัตกรรมในวันนี้ ต้องคิด “กลับด้าน” โดยคิดสิ่งที่จะทำการตรวจจับสิ่งที่ปลอมแปลงที่ถูกสร้างขึ้นมาได้

ภัยไซเบอร์ที่เริ่มจากความเชื่อของเราเอง

“ในสนามจริง คนร้ายไม่ได้โจมตีที่เทคโนโลยี แต่มาที่สมองของเรา” พ.ต.อ.เกรียงไกร พุทไธสง ผู้กํากับกลุ่มงานสนับสนุนทางไซเบอร์ กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เล่าถึงภัยที่แฝงตัวมาในรูปของจิตวิทยา เหยื่อมักหลงเชื่อเพราะถูกโน้มน้าวด้วย Confirmation Bias หรือ อคติที่หาหลักฐานมายืนยันความเชื่อของตัวเอง และ Social Proof ที่เป็นความเชื่อใจจากคนที่ดูน่าเชื่อถือ คนร้ายจึงพยายามตัดการสื่อสารเหยื่อไม่ให้คุยกับคนอื่นในช่วงตัดสินใจ เพราะคนที่อยู่นอกสถานการณ์จะมองออกว่าเป็นมิจฉาชีพได้ทันที

True CyberSafe x TrueMoney Hackathon Thailand 2025

“เราจึงตั้งคำถามว่า จะมีเทคโนโลยีอะไรที่สามารถเตือนเหยื่อได้ ‘ขณะกำลังตัดสินใจ’ ไม่ใช่หลังจากตกเป็นเหยื่อแล้ว ” พ.ต.อ.เกรียงไกรกล่าว นอกจากนี้ยังยกถึงการสร้างเทคโนโลยีที่จะระบุกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงได้อย่างเฉพาะเจาะจง รวมถึงต้องเข้าใจวิถีชีวิตของผู้คนอย่างลึกซึ้งเพื่อออกแบบนวัตกรรมให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขาได้

“เพราะเราจะออกแบบนวัตกรรมดีๆ ไม่ได้เลย ถ้าเราไม่รู้ว่าคนขับวินมอเตอร์ไซค์ดูมือถืออย่างไร แม่ค้าออนไลน์กดส่งของอย่างไร หรือผู้สูงวัยใช้โทรศัพท์แบบไหน” พ.ต.อ.เกรียงไกรทิ้งท้าย

เข้าใจมนุษย์ ก่อนออกแบบเทคโนโลยี

“Cybersecurity ที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของความฉลาด แต่ต้องเข้าใจมนุษย์” ผศ.ดร. ภัทรวรรณ ประสานพานิช  อาจารย์สาขาวิชาการปฏิบัติการและเทคโนโลยี สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ฯ กล่าวถึงหัวใจสำคัญของการออกแบบโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพราะสิ่งที่ทำให้ผู้คนตกเป็นเหยื่อ คือสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจโดยใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล โดยเด็กและวัยรุ่นหรือผู้สูงอายุล้วนมีจุดเปราะบางที่ที่ต่างกัน ผู้สูงอายุอาจหลงเชื่อข้อความที่เร่งให้รีบคลิกเพราะกลัวบัญชีจะถูกล็อก เด็กและวัยรุ่นอาจแชร์รหัสหรือข้อมูลเพราะต้องการการยอมรับในโลกออนไลน์

หนึ่งในวิธีที่สามารถออกแบบระบบให้ “สะกิด” ผู้ใช้ให้คิดก่อนคลิก คือการใช้หลัก Digital Nudging โดยเฉพาะการเลือกวางกรอบข้อความสื่อสาร (Framing message) ให้นำไปสู่พฤติกรรมที่ปลอดภัย เช่น เปลี่ยนจาก “คุณแน่ใจหรือไม่ว่าจะดาวน์โหลดซอฟต์แวร์นี้” เป็น “ถ้าคุณดาวน์โหลด อุปกรณ์ของคุณอาจติดมัลแวร์ได้” ช่วยให้ผู้ใช้รับรู้ผลกระทบและหยุดคิดก่อนคลิก

แม้จะเป็นการเปลี่ยนแค่ไม่กี่คำ แต่กรอบการสื่อสารมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจของมนุษย์ เทคนิคที่ใช้ได้ผล เช่น ใช้ตัวเลขจำนวนมาก เพื่อให้รู้สึกว่าสถานการณ์รุนแรง พูดถึงตัวผู้ใช้โดยตรง แทนที่จะพูดถึงคนทั่วไป เพื่อให้รู้สึกเชื่อมโยง และ เน้นผลเสียที่จะเกิดขึ้น มากกว่าผลดีที่จะได้รับ เพราะคนส่วนใหญ่มักตอบสนองต่อสิ่งที่ “กลัวจะเสีย” มากกว่า

สุดท้าย นวัตกรรมหรือโซลูชันที่ดีจึงไม่ใช่แค่ฉลาด แต่ต้องทำให้คนหมู่มากหรือเพียงคนธรรมดาก็สามารถปกป้องตัวเองได้ แม้ในวันที่ยังไม่รู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย

ทั้งหมดนี้คือมุมมองจาก 3 วิทยากรที่สะท้อนให้เห็นว่า การรับมือกับภัยไซเบอร์ในวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่คือการเข้าใจมนุษย์ พฤติกรรม และความเปราะบางในชีวิตประจำวันของผู้คน

 

_____

เวทีการแข่งขัน “True CyberSafe x TrueMoney Hackathon Thailand 2025” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน – 29 พฤศจิกายน 2568 เปิดโอกาสให้นวัตกรรุ่นใหม่ ทั้งสตาร์ทอัพ ประชาชนทั่วไทย นิสิต นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ นำเสนอความคิดสร้างสรรค์เป็นกลุ่มๆ ละ 4 – 5 คน เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาภัยไซเบอร์ให้ปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เยาวชน ผู้สูงอายุ และชาวต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวและผู้ที่ทำงานในประเทศไทย ครอบคลุม 1 ใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.ใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัย 2.ใช้เงินปลอดภัย และ 3.ใช้ชีวิตปลอดภัย ชิงเงินรางวัลและทุนการศึกษา รวมมูลค่ากว่า 430,000 บาท โดยแบ่งการแข่งขันเป็น 2 ระดับ ได้แก่ 1. และประชาชนทั่วไป (ไม่จำกัดอายุ) หรือสตาร์ทอัพ และ 2. นิสิต/นักศึกษา ระดับอุดมศึกษา ทุกชั้นปี จากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ (โดยสมาชิกสามารถอยู่ต่างสถาบันได้)

ทั้งนี้ 30 ทีมที่ผ่านเข้ารอบ Hackathon จะได้มีโอกาสเข้าร่วมโปรแกรมบ่มเพาะกับทรู แล็บ และ 6 ทีมสุดท้ายในระดับธุรกิจสตาร์ทอัพและประชาชนทั่วไป จะได้รับเงินทุนพัฒนานวัตกรรม นำไอเดียมาต่อยอดเพื่อพัฒนาเป็นโซลูชันที่สามารถใช้งานได้จริง โดยเปิดให้ผู้ที่สนใจสมัครร่วมโครงการได้แล้ววันนี้ ถึง 11 กรกฎาคม 2568 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://linktr.ee/true_lab หรือ เฟซบุ๊ก True Lab