กรุงเทพฯ 17 มีนาคม 2568 – เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปีของการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทค…ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยข้อมูลสำคัญด้านความยั่งยืน ประจำปี 2566 – 2567 ตอกย้ำศักยภาพเทคคอมปานีไทยที่ผสานพลังความร่วมมือด้วยขนาดสเกลที่ใหญ่และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นจากการควบรวม ทำให้สามารถสร้างการเติบโต พร้อมขับเคลื่อนความก้าวหน้าในด้านสำคัญต่างๆ ทั้งจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรวมเป็นหนึ่ง ทำให้ทรู สามารถส่งมอบคุณประโยชน์และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่ลูกค้า รวมถึงระบบนิเวศดิจิทัลในประเทศไทยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
เพียงสองปีหลังการควบรวมกิจการ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ทรานสฟอร์มองค์กร สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งในมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยได้ขยายเครือข่ายที่สถานีฐาน 13,000 แห่งให้ก้าวล้ำกว่าเดิม ฐานลูกค้าทรู 5G เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในขณะเดียวกัน สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 10% สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าด้วยพลังขนาดที่เติบโตขึ้นขององค์กรหลังการควบรวมกิจการ สามารถขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการเร่งแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศและยกระดับมาตรฐานธรรมาภิบาล
ผู้นำด้าน AI อย่างมีจริยธรรมและความปลอดภัยออนไลน์ที่เหนือชั้น
การควบรวมกิจการในปี 2566 ผลักดันให้ทรู ก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีของไทย บริษัทฯ สามารถพัฒนาแนวทางการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ
ทรู ได้สร้างจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ (Ethical AI Charter) อีกทั้งนำแผนการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible AI (RAI) Maturity Roadmap ของสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) ที่ได้พัฒนาขึ้นร่วมกับบริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั่วโลก 19 แห่ง สู่การดำเนินงานเป็นองค์กรแรกในประเทศไทย ซึ่งแผนงานนี้ มุ่งเน้นไปที่ความยุติธรรม ความโปร่งใส และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยปัจจุบันเปิดให้เข้าถึงสาธารณะ ทั้งนี้ ทรู ยังส่งเสริมให้เกิดการนำแผนงานดังกล่าวไปปฏิบัติใช้ทั่วประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์อย่างแท้จริง
ในปี 2567 การเปิดตัวนวัตกรรม “ทรู ไซเบอร์เซฟ True CyberSafe” ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการส่งเสริมความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ของประเทศไทย ซึ่งระบบป้องกันภัยไซเบอร์อัจฉริยะที่ปกป้องอัตโนมัติทันที และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนี้ ขับเคลื่อนด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมของทรู โดยสามารถตรวจจับลิงก์แปลกปลอมที่น่าสงสัยได้ถึง 7 ล้านลิงก์ต่อวัน ปกป้องผู้ใช้งานมากกว่า 50 ล้านราย โดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน และไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมใดๆ ซึ่งการเข้าถึงระบบความปลอดภัยที่เหนือชั้นนี้ ทำให้เกิดบริการป้องกันภัยไซเบอร์ใหญ่ที่สุดในประเทศ
ขับเคลื่อนนวัตกรรม สร้างสังคมดิจิทัลสำหรับทุกคน
การควบรวมกิจการของทรูและดีแทคได้ยกระดับคุณภาพเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เครือข่าย 4G ครอบคลุม 99% ของประชากรไทย และเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการ 5G ขึ้นเป็น 2 เท่า อยู่ที่จำนวน 13.8 ล้านรายในไตรมาส 4 ปี 2567 การเชื่อมต่อสัญญาณที่เพิ่มมากขึ้นนี้ สะท้อนถึงความสำเร็จของการยกระดับเครือข่ายให้ล้ำสมัย (Network Modernization) ของทรู ที่ก้าวหน้าไปแล้วถึง 77% อีกทั้ง ยังเพิ่มความเร็วเครือข่าย 5G เป็นสองเท่าที่สถานีฐานหลายพันแห่งทั่วประเทศ
การขยายเครือข่ายของทรู ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกทางสังคมมากยิ่งขึ้น ทรู ได้พัฒนาทักษะดิจิทัลและทักษะออนไลน์ที่สำคัญเพื่อเสริมศักยภาพแก่กลุ่มคนเปราะบางกว่า 350,000 คน ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางออนไลน์ทรูปลูกปัญญา มีผู้ใช้งานมากกว่า 32 ล้าน Users ในปี 2567 อีกทั้ง ยังได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนพัฒนาการศึกษา เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยกว่า 10,000 โรงเรียนทั่วประเทศ ได้เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ยุคดิจิทัลอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ ทรู ยังบ่มเพาะและสร้างนวัตกร จำนวน 5,418 คน ส่งผลให้เกิดการจดทะเบียนสิทธิบัตรไปแล้ว 112 ฉบับ
ผู้นำในการขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
ความมุ่งมั่นของทรูในการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม เห็นได้ชัดจากการขยายการดำเนินงานโครงการด้านความยั่งยืนที่เพิ่มมากขึ้นหลังการควบรวม ในปี 2567 บริษัทได้ขยายการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ที่สถานีฐานถึง 10,410 แห่ง ซึ่งถือเป็นการใช้งานพลังงานหมุนเวียนที่มากที่สุดของทรูจนถึงปัจจุบัน เพิ่มขึ้นคิดเป็น 13% เมื่อเทียบกับก่อนการควบรวม ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 10% ทั่วทั้งเครือข่าย นอกจากนี้ ทรู ยังนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธีแบบครบวงจร ปลอดภัย และเป็นไปตามมาตรฐานสากลสูงสุด 100%
ยิ่งไปกว่านั้น ทรู ยังเดินหน้าสร้างผลกระทบเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ด้วยการขยายความร่วมมือกับเครือข่ายบริษัทคู่ค้าจำนวนมาก จัดงานสัมมนาครั้งแรกให้บริษัทคู่ค้าได้ตั้งเป้าหมายด้านการจัดการสภาพภูมิอากาศ พร้อมเปิดให้คู่ค้าพันธมิตรของทรู ได้ใช้นวัตกรรมแพลตฟอร์มโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล วัดและคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้บริษัทคู่ค้า 1,300 ราย ร่วมภารกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน หรือใน Scope 3 โดยสามารถลดได้ 12.5% (จากเป้าหมายลดให้ได้ 25% ภายในปี 2030)
ตั้งแต่การควบรวมกิจการในเดือนมีนาคม 2566 ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้แสดงให้เห็นว่าพลังของขนาดสเกลที่เพิ่มขึ้น และการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เป็นปัจจัยที่เร่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการทรานสฟอร์ม สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลของประเทศไทย
ข้อมูลด้านความยั่งยืนที่สำคัญของทรู คอร์ปอเรชั่น ตั้งแต่ควบรวมกิจการ
- เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนขึ้น 13% ด้วยการติดตั้งโซล่าร์เซลล์ที่สถานีฐาน 10,410 แห่งทั่วประเทศ
- ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 10% ทั่วทั้งเครือข่าย
- นำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี เพิ่มขึ้น 30% บรรลุเป้าหมายจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีฝังกลบเป็นศูนย์
เกี่ยวกับทรู คอร์ปอเรชั่น
ในฐานะผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีของไทย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นพลังขับเคลื่อนเชื่อมโยงให้ทุกคนและกลุ่มธุรกิจ สังคม ได้เติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ทั้งจากบริการโทรผ่านเสียงและการใช้งานดาต้าระดับเวิลด์คลาสของเรา ระบบนิเวศดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต ตลอดจนความบันเทิงระดับโลก การมอบสิทธิพิเศษ และการให้บริการเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ อีกทั้งยังมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรม พร้อมนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาเสริมแกร่ง ทำให้เรามีส่วนช่วยสร้างโลกที่สมบูรณ์ยั่งยืนและปลอดภัยยิ่งกว่า โดยทรู คอร์ปอเรชั่น ติดอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืนระดับโลกดาวน์โจนส์ (DJSI) ปี 2566 ด้วยคะแนนสูงสุด ในกลุ่มโทรคมนาคมของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ด้วยเหตุนี้ ลูกค้ากว่า 50 ล้านราย จึงยังคงไว้วางใจ ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ที่ทรูจะนำเสนอเพื่อเติมเต็มวิถีชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือระหว่างท่องเที่ยวและเดินทาง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.true.th